เป็นวงดนตรีที่ปรับปรุงขึ้นใหม่
จากความคิดริเริ่มของเจ้าพระยาเทเวศร์วงวิวัฒน์เมื่อครั้งไปยุโรป ทรงเห็นการแสดง “ โอเปร่า “
ที่ฝรั่งเล่นเกิดชอบใจ กลับมาทูลชวนให้สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ให้ทรงช่วยร่วมมือกันคิดขยายการเล่นละคอนโอเปร่าอย่างไทย
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศ ฯ ทรงเห็นด้วย เจ้าพระยาเทเวศน์ฯจึงได้สร้างโรงละครขึ้นใหม่ในวังของท่านที่ถนนอัษฎางค์
ริมคลองหลอดและให้เรียกชื่อว่า “
โรงละคอนดึกดำบรรพ์ “ โดยประสงค์จะให้คำว่า “ ดึกดำบรรพ์ “
นั้นเป็นชื่อเรียกของละครที่คิดขึ้นใหม่ มิให้เรียกกันว่า “ ละครเจ้าพระยาเทเวศร์ “ อย่างแต่ก่อน ( เพราะแต่ก่อนใครก็เรียกกันว่า
ละครเจ้าพระยาเทเวศร์ และโรงละครเจ้าพระยาเทเวศน์) แต่ชื่อนั้นเกิดขึ้นพร้อมกับการเล่นละครอย่างใหม่คนทั่วไปจึงเอาชื่อคณะและชื่อโรงละครไปเรียกละครอย่างใหม่
(โอเปร่า) ว่า“ ละครดึกดำบรรพ์
“
ละครดึกดำบรรพ์เริ่มแสดงเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๒
ในการรับแขกเมือง และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การรับแขกเมืองที่สูงศักดิ์ที่เข้ามาเฝ้าและเยี่ยมเมืองไทย
ก็จะโปรดให้ไปดูละคอนดึกดำบรรพ์แทนการดูคอนเสิร์ทอย่างแต่ก่อน
ในเวลาปรกติเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ จัดแสดงละคอนดึกดำบรรพ์ให้คนดู (
เก็บค่าผ่านประตู ) ที่โรงละคอนริมถนนอัษฎางค์เหมือนกับโรงละคอนอื่นๆ จนถึง
พ.ศ.๒๔๕๒ นับได้ ๑๐ ปี เมื่อเจ้าพระยาเทเวศร์ฯเกิดอาการป่วยเจ็บทุพพลภาพ
ออกจากราชการ จึงเลิกแสดงละคอนดึกดำบรรพ์นับแต่นั้นเป็นต้นมา
สำหรับเครื่องดนตรีได้ทรงปรับปรุงเครื่องใหม่
โดยเอาเครื่องดนตรีที่มีเสียงเล็กแหลมในวงปี่พาทย์ออก เช่น ฆ้องวงเล็ก
ระนาดเอกเหล็ก และทรงนำเครื่องดนตรีที่มีเสียงนุ่มนวลเพิ่มเติมเข้ามา เช่น
นำฆ้องหุ่ย ๗ ใบ ๗ เสียง มาแขวนขา ตั้งโดยรอบ และใช้ตีเป็นทำนองห่างๆ
นำขลุ่ยอู้ซึ่งมีเสียงทุ้มใหญ่มาเป่าเพิ่มและเปลี่ยนกลองทัดทั้งคู่ซึ่งดังมากออก
นำเอากลองตะโพน ( มีลักษณะคล้ายตะโพนแต่ใช้ไม้ตั้งตีเหมือนกลองทัด )มาตีแทนกลองทัด
ให้ระนาดเอกตีด้วยไม้นวม เพื่อให้เสียงดังนุ่มนวล
ไพเราะ ต่อมาภายหลังเพิ่มซออู้เข้ามาสีรวมวงด้วย
โดยสีคลอไปกับเสียงร้อง เรียกชื่อวงปี่พาทย์ที่ปรับปรุงขึ้นใหม่นี้ว่า“ วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ “
ตามชื่อโรงละคร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น