วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์

         เป็นวงดนตรีที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ จากความคิดริเริ่มของเจ้าพระยาเทเวศร์วงวิวัฒน์เมื่อครั้งไปยุโรป  ทรงเห็นการแสดง “ โอเปร่า “ ที่ฝรั่งเล่นเกิดชอบใจ  กลับมาทูลชวนให้สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ให้ทรงช่วยร่วมมือกันคิดขยายการเล่นละคอนโอเปร่าอย่างไทย  สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศ ฯ ทรงเห็นด้วย  เจ้าพระยาเทเวศน์ฯจึงได้สร้างโรงละครขึ้นใหม่ในวังของท่านที่ถนนอัษฎางค์ ริมคลองหลอดและให้เรียกชื่อว่า “ โรงละคอนดึกดำบรรพ์ “  โดยประสงค์จะให้คำว่า “ ดึกดำบรรพ์ “ นั้นเป็นชื่อเรียกของละคที่คิดขึ้นใหม่  มิให้เรียกกันว่า “ ละคเจ้าพระยาเทเวศร์ “  อย่างแต่ก่อน ( เพราะแต่ก่อนใครก็เรียกกันว่า ละคเจ้าพระยาเทเวศร์ และโรงละคเจ้าพระยาเทเวศน์)  แต่ชื่อนั้นเกิดขึ้นพร้อมกับการเล่นละคอย่างใหม่คนทั่วไปจึงเอาชื่อคณะและชื่อโรงละคไปเรียกละคอย่างใหม่ (โอเปร่า) ว่า“ ละคดึกดำบรรพ์ “
               
       ละคดึกดำบรรพ์เริ่มแสดงเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๒  ในการรับแขกเมือง  และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การรับแขกเมืองที่สูงศักดิ์ที่เข้ามาเฝ้าและเยี่ยมเมืองไทย  ก็จะโปรดให้ไปดูละคอนดึกดำบรรพ์แทนการดูคอนเสิร์ทอย่างแต่ก่อน   ในเวลาปรกติเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ  จัดแสดงละคอนดึกดำบรรพ์ให้คนดู  ( เก็บค่าผ่านประตู ) ที่โรงละคอนริมถนนอัษฎางค์เหมือนกับโรงละคอนอื่นๆ  จนถึง พ.ศ.๒๔๕๒  นับได้ ๑๐ ปี  เมื่อเจ้าพระยาเทเวศร์ฯเกิดอาการป่วยเจ็บทุพพลภาพ  ออกจากราชการ  จึงเลิกแสดงละคอนดึกดำบรรพ์นับแต่นั้นเป็นต้นมา

         สำหรับเครื่องดนตรีได้ทรงปรับปรุงเครื่องใหม่  โดยเอาเครื่องดนตรีที่มีเสียงเล็กแหลมในวงปี่พาทย์ออก เช่น ฆ้องวงเล็ก  ระนาดเอกเหล็ก  และทรงนำเครื่องดนตรีที่มีเสียงนุ่มนวลเพิ่มเติมเข้ามา เช่น นำฆ้องหุ่ย ๗ ใบ ๗ เสียง มาแขวนขา ตั้งโดยรอบ และใช้ตีเป็นทำนองห่างๆ  นำขลุ่ยอู้ซึ่งมีเสียงทุ้มใหญ่มาเป่าเพิ่มและเปลี่ยนกลองทัดทั้งคู่ซึ่งดังมากออก  นำเอากลองตะโพน ( มีลักษณะคล้ายตะโพนแต่ใช้ไม้ตั้งตีเหมือนกลองทัด )มาตีแทนกลองทัด   ให้ระนาดเอกตีด้วยไม้นวม เพื่อให้เสียงดังนุ่มนวล  ไพเราะ  ต่อมาภายหลังเพิ่มซออู้เข้ามาสีรวมวงด้วย  โดยสีคลอไปกับเสียงร้อง  เรียกชื่อวงปี่พาทย์ที่ปรับปรุงขึ้นใหม่นี้ว่า“ วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ “  ตามชื่อโรงละค  







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น